55 อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง

55 อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า บนโลกเรานั้นมีคนทำอาชีพอิสระกันกันเยอะมากและจะเยอะมากขึ้นทุกๆปีด้วย อาชีพอิสระทำที่บ้านได้หรือทำที่ไหนก็ได้แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน ส่วนเรื่องรายได้นั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าขึ้นอยู่กับฝีมือล้วนๆ เหมาะกับคนที่เข้าใจว่าการฝึกฝีมือคืออะไร
เพราะการฝึกฝีมือนั้นเกิดจากการลงมือทำซ้ำ เพื่อคิดค้น เพื่อดูผลลัพธ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จะใช้วิธีอ่านอย่างเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้ เช่นการคิดค้นสูตรอาหารของตัวเองเป็นต้น เพราะฉะนั้นคนที่ทำอาชีพอิสระแล้วมีรายได้ดีก็คือคนที่มีทักษะโดยแท้เลยแหละ

มหาเศรษฐีจำนวนมากก็เริ่มจากอาชีพอิสระกันทั้งนั้นสั่งสมฝีมือและประสบการณ์ รวมไปถึงมีไอคิวในการใช้เงินจึงทำให้ค่อยๆรวยเรื่อยๆจนกลายเป็นรวยมากขึ้นๆ ใครก็ตามที่ทำอาชีพอิสระแล้วใช้เงินที่หามาได้จนหมดจะไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้เลย

แค่ฝึกฝนฝีมือในการทำงานมันไม่พอแต่ต้องหมั่นเพียรหาทางเพิ่มพูน “ความฉลาดทางการเงิน” กันด้วยนะ สำคัญมาก คนส่วนใหญ่บนโลกได้แค่คนธรรมดาก็เพราะเขาขาดสิ่งนี้ล่ะโรงเรียนไม่มีสอน

55 อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง


1.ขายของมือหนึ่ง มือสอง ตามตลาดนัด
2.ขายอาหาร เฉพาะอย่าง – เช่นร้านขนมจีบ ซาลาเปา หรือ ร้านกระเพาะปลา จะได้ฝึกความชำนาญในการทำอาหารเฉพาะอย่างไปเลย
3.ขายน้ำผลไม้ปั่น – น้ำผลไม้ปั่นก็จัดว่าขายได้ตลอดเวลาเช่นกัน
4.รับจ้างพิมพ์งาน
5.รับสร้างเว็บไซต์ หรือ เป็นเจ้าของเว็บไซต์
6.เป็นนักเขียนอิสระ
7.ทำบัญชีอิสระ แค่สะสมลูกค้าไปเรื่อยๆและมีความรับผิดชอบเดี๋ยวดีเอง
8.รับจ้างสอน ติวหนังสือ แม้ว่าวิชาในห้องเรียนส่วนใหญ่จะเอาไปใช้จริงไม่ได้เลยมีไว้สอบเอาเกรดเท่านั้น แต่ก็เอามาใช้รับจ้างติวหนังสือได้นะ
9.รับจ้าง Graphic Design
10.Film Maker – รับจ้างสร้างหรือตัดต่อวีดีโอ ถ่ายหนัง ถ่ายวีดีโอตามงานต่างๆ
11.ช่างถ่ายรูปอิสระ รับถ่ายรูปงานต่างๆ เช่น งานแต่งงาน การรับปริญญา เป็นต้น
12.นักดนตรีอิสระ รายได้ขึ้นอยู่กับฝีมือและรูปแบบการหาเงิน
13.ไกด์อิสระ มัคคุเทศก์อิสระ
14.เปิดร้านกาแฟของตัวเอง
15.นักมายากลอิสระ
16.ช่างทำเล็บอิสระ รับจ้างเพ้นท์เล็บ
17.ช่างตัดผมอิสระ
18.ครูสอนโยคะ
19.นายหน้า
20.รับออกแบบโลโก้
21.รับจ้างบอกรัก ส่งดอกไม้ ทำเซอร์ไพรส์
22.นักแปลรับจ้าง
23.ผลิต App
24.นักเขียนโปรแกรมอสระ / นักสร้างเกมส์อิสระ
25.รับจ้างทำ SEO
26.รับจ้างขับรถอิสระ รับจ้างไปรับไปส่ง
27.ศิลปินอิสระ
28.รับจ้างซักรีด
29.บอดี้การ์ดอิสระ
30.นักสืบอิสระ
31.นักกีฬาอิสระ
32.รับจ้างเฝ้าบ้าน บริการดูแลบ้าน ในไทยมีแล้วนะครับ
33.งานกิจการให้เช่าทุกชนิด
34.เปิดร้านอินเตอร์เน็ตก็สบายดีนะ
35.ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์อิสระ
36.รับจ้างแต่งหน้า
37.รับจ้างดำนา
38.รับจ้างก่อสร้าง
39.รับจ้างทำความสะอาด
40.นักแสดงอิสระ ทั้งระดับอาชีพและระดับตัวประกอบ
41.รับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า
42.ช่างไฟอิสระ / ช่างประปาอิสระ
43.ขับรถบรรทุกรับจ้าง
44.รับจ้างย้ายบ้าน
45.รับจ้างเป็นเพื่อน
46.รับจ้างดูแลสัตว์เลี้ยง
47.ทนายรับจ้าง
48.รับจ้างสอนเล่นเกมส์ สอนคอมพิวเตอร์
49.รับจ้างเชียร์ รับจ้างปรบมือในรายการทีวี
50.พิธีกรอิสระ
51.นายแบบ นางแบบ ฮิสระ
52.อาชีพนักเล่นเกมส์อิสระ นักแข่งเกมส์ มีเยอะในต่างประเทศ
53.นักทำสติ๊กเกอร์ / รับทำป้ายต่างๆ
54.นักออกแบบอิสระ
55.นักข่าวอิสระ

รู้หรือไม่ เพลงชาติไทย มีตั้งแต่เมื่อไหร่ ความหมายอย่างไร

เพลงชาติไทย  เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติไทย  ในเนื้อเพลงจะแสดงถึงความเป็นมาของชาติไทย  ที่ต้องการปลูกฝังให้คนไทยเกิดความสามัคคี  รักชาติ  และเสียสละเพื่อชาติ
เราจะร้องเพลงชาติไทย  เมื่อมีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา  หรือเชิญธงชาติลงจากยอดเสาเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อธงชาติ


ดังนั้นในทุก ๆ เช้าก่อนเข้าเรียน  นักเรียนทุกคนต้องเข้าแถวร้องเพลงชาติไทยในขณะที่ตัวแทนนักเรียนเชิญธงชาติ ขึ้นสู่ยอดเสา


เพลงชาติไทย


ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ  ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ท้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบ  แต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย  ชโย


ความหมาย เพลงชาติไทย

 
ประเทศไทยเป็นที่รวมของคนไทย  ทุกหนทุกแห่งเป็นของคนไทย
ชาติไทยดำรงอยู่ได้  เพราะคนไทยมีความสามัคคี
คนไทยเป็นผู้รักความสงบ  แต่ถึงคราวรบก็ไม่เกรงกลัว
คนไทยจะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีเอกราชของชาติไทยเป็นอันขาด
เราพร้อมใจกันสละเนื้อและชีวิตเพื่อชาติ
ชาติไทยจะได้อยู่ด้วยความรุ่งเรืองและมีชัยชนะต่อไป


เพลงชาติไทย ภาษาอังกฤษ โดย Frank Freeman (อิศรา อมันตกุล) จากหนังสือ Slang

Thailand Is Founded On Blood And Flesh
Thai People Share, Every Portion Of The Land Belongs To Us,

Thus We Must Care; The Reason Why This Country Still Exists

Is Because The Thai People Have Long Loved Another And Been United

We, Thai, Are Peace-loving People But In Time Of War, Uncowardly, We’ll Fight To The Bitter End. None Is Allowed To Oppress And Destroy

Our Independence;

To Sacrifice Every Droplet Of Blood As A National Offering, We Are Always Ready,

For The Sake Of Our Country’s Progress And Victory. Chaiyo

เพลงชาติไทย โน้ต

https://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/3/3d/Thai_National_Anthem_Sheet_music.jpg
                                                                       โน้ตเพลงชาติไทย


ประวัติเพลงชาติไทย

            เพลงชาติไทยเป็นเพลงประจำชาติที่แสดง ถึงความเป็นชาติ ความเป็นเอกราชของประเทศนั้นๆ เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายประจำชาติ และนอกจากนี้แล้วเพลงชาติ ยังบ่งบอกถึงศิลป วัฒนธรรมของชนชาตินั้นอีกด้วยสำหรับในประเทศไทยนั้นในอดีตยังไม่ได้ให้ความ สำคัญกับเพลงชาติมากมายนักซึ่งการให้ความสำคัญกับเพลงชาติ ในประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตกที่มีเพลงประจำชาติทำให้ไทยได้ตระหนักถึง การมีเพลงชาติเพื่อแสดงถึงความเป็นชาติไทยยิ่งขึ้น โดยเพลงชาติที่สร้างอิทธิพลให้กับไทยก็คือเพลงชาติของประเทศอังกฤษ ชื่อว่าGod save the Queen (หรือบางครั้งก็เรียกว่าGod save the King ขึ้นอยู่กับว่า กษัตริย์ที่ปกครองประเทศอังกฤษเป็นพระราชาหรือพระราชินี) และเป็นเพลงที่ใช้กับเมืองที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษด้วย ในปัจจุบันประเทศไทยมีเพลงชาติมาแล้วทั้งหมด7ฉบับ ซึ่งในแต่ละฉบับนั้นก็มีความเป็นมาทั้งสิ้นแม้ว่าในระยะต้นๆ ของการเริ่มมีเพลงประจำชาติจะเป็นเพลงที่ ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ก็ตามแต่ประวัติเพลง ชาติที่จะกล่าวในที่นี้ก็บ่งบอกว่าประเทศไทยก็เริ่มให้มีความสำคัญกับเพลง ชาติไม่น้อยกว่าชาติไหน

ประวัติเพลงชาติไทยในแต่ละสมัย

 
            เพลงชาติไทยฉบับแรก คือ เพลงจอมราชจงเจริญโดยใช้ทำนองของเพลง God save the Queen ซึ่งเป็นเพลงฝึกสำหรับทหารแตร  ใน ปลายรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2395 โดยทหารอังกฤษ 2 คนชื่อร้อยเอกอิมเปย์ (Impey)และร้อยเอกน๊อกซ์ (Thomas G. Knox) ที่เข้ามาเป็นครูฝึกทหารนำเข้ามา ซึ่งในขณะนั้นอังกฤษใช้เพลงกอดเสฟเดอะควีน เป็นเพลงชาติแล้วดังนั้นจึงใช้เป็นเพลงเกียรติยศถวายความเคารพต่อพระมหา กษัตริย์ ในระหว่างปี พ.ศ.2395  จนกระทั่งปี พ.ศ. 2414 ในกองทหารเรียกเพลงนี้ว่าเพลงสรรเสริญพระบารมี ต่อมาพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) ได้ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นมาใหม่โดยใช้ทำนองเพลง กอดเสฟเดอะควีน โดยใช้ชื่อว่า จอมราชจงเจริญ

เพลงจอมราชจงเจริญ
“ความสุขสมบัติทั้งบริวาร เจริญพละ ปฏิภาณผ่องแผ้ว
จงยืนพระชน…มาน นับรอบร้อย แฮ
มีพระเกียรติเพริศแพร้ว เล่ห์ เพี้ยง จันทร”

ภาพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2
http://www.racha.coolfreepage.com/2.html
ภาพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
http://www.racha.coolfreepage.com/5.html

            เพลงชาติไทยฉบับที่สอง เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2414  พระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสที่สิงคโปร์ ซึ่งในขณะนั้นสิงคโปร์ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอยู่และกองทหารดุริยางค์ สิงคโปร์บรรเลงเพลง กอดเสฟเดอะควีน ถวายความเคารพ ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงตระหนักว่าประเทศควรมีเพลงชาติที่เป็นของตนเอง เพื่อประกาศความเป็นเอกราช ดังนั้นเมื่อทรงเสด็จฯ กลับก็ทรงโปรดฯ เรียกครูดนตรีไทยเข้าเฝ้าเพื่อปรึกษาหาเพลงไทยมาใช้สำหรับ ถวายทำความเคารพและแสดงถึงความเป็นชาติและคณะดนตรีไทยที่ประกอบด้วย ครูมรกฎ พระประดิษฐ์ไพเราะ(ครูมีแขก) และพระเสนาะดุริยางค์(ขุนเณร) ได้ลงความเห็นเลือกเพลง ทรงพระสุบินหรือ เพลงบุหลันลอยเลื่อน  ซึ่ง เป็นเพลงในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เป็นเพลงเกียรติยศถวายความเคารพและใช้เป็นเพลงประจำชาติอีกด้วยโดยเรียกว่า เพลงสรรเสริญพระบารมี โดยเรียบเรียงเป็นทำนองสากล และใน พ.ศ.2414  ถึงปี พ.ศ. 2431 มีการสันนิษฐานว่าได้ใช้เพลงทรงพระสุบิน(ทางฝรั่ง)เป็นเพลงชาติ

เนื้อเพลงบุหลันลอยเลื่อน
           “กิดาหยันหมอบกรานอยู่งานพัด พระบรรทมโสมนัสอยู่ในที่
บุหลันเลื่อนลอยฟ้าไม่ราคี รัศมีส่องสว่างดังกลางวัน
พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา ที่จะแต่งคูหาสะตาหมัน
ป่านนี้พระองค์ทรงธรรม์   จะนับวันเคร่าคอยทุกเวลา
ครั้นล่วงเข้ายามดึกสงัด สงบเงียบเสียงสัตว์ทุกภาษา
 วังเวงวิเวกวิญญาณ์ พระนิทราหลับไปในราตรีฯ”

            เพลงชาติไทยฉบับที่สาม เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2431  มี การเปลี่ยนแปลงทำนองเพลงสรรเสริญพระบารมีใหม่ประพันธ์ทำนองโดย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ นักประพันธ์ชาวรัสเซียส่วนคำร้องนั้นพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งถือได้ว่าเพลงชาติฉบับที่ 3 นี้ก็คือเพลงสรรเสริญพระบารมี(ฉบับปัจจุบัน)โดยใช้เป็นเพลงชาติระหว่างปี พ.ศ.2431-2475

 เนื้อเพลงสรรเสริญพระบารมี(ฉบับปัจจุบัน)
          ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน
นบพระภูมิบาล บุญญดิเรก
เอกบรมจักริน พระสยามินทร์
พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์
ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด
จงสฤษฏ์ดัง หวังวรหฤทัย
ดุจจะถวายชัย ชโย
        
ภาพเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดิน ณอยุธยา)
http://www.mc41.com/data/thai00.htm

            เพลงชาติไทยฉบับที่สี่ นั้นคือเพลงชาติมหาชัย ใช้ ทำนอง เพลงมหาชัย แต่งเนื้อร้องโดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)เพื่อใช้เพลงนี้เป็นเพลงขับร้องบรรเลงปลุกเร้าใจให้ประชาชน เกิดความรักชาติและความสามัคคีในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองในระหว่างช่วงการปฏิวัติและการรอเพลงชาติฉบับของพระเจนดุริยางค์ ด้วย

เนื้อเพลงชาติมหาชัย
           สยามอยู่คู่ฟ้าอย่าสงสัย เพราะชาติไทยเป็นไทยไปทุกเมื่อ
ชาวสยามนำสยามเหมือนนำเรือ ผ่านแก่งเกาะเพราะเพื่อชาติพ้นภัย
เราร่วมใจร่วมรักสมัครหนุน วางธรรมนูญสถาปนาพาราใหม่
ยกสยามยิ่งยงธำรงชัย ให้คงไทยตราบสิ้นดินฟ้า
ภาพขุนวิจิตรมาตรา
http://tcmc.nisit.kps.ku.ac.th/tcmc/modules.php?op=modload&name=News&file=article&sid=41
ภาพ นายฉันท์ ขันวิไล
http://blog.sanook.com/DesktopModules/MIH/Blog/BlogView.aspx?tabID=0&alias=panadistid&ItemID=179428&mid=562303

            เพลงชาติไทยฉบับที่ห้า ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันซึ่งเริ่มมีในช่วงการปฏิวัติการปกครองพ.ศ.2475 แต่ยังไม่สมบูรณ์มากนักประพันธ์ทำนองโดยพระเจนดุริยางค์และคำร้องฉบับแรก ประพันธ์โดย ขุนวิจิตรมาตรา(สง่า กาญจนาคพันธุ์) โดยมีคำร้อง 2 บท ด้วยกัน ใช้ในระหว่างพ.ศ.2475-2477

            ต่อมาในปีพ.ศ.2477 รัฐบาลได้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องของเพลงชาติอย่างเป็นทางการ โดยคณะกรรมการมีมติให้ใช้ ทำนองเพลงชาติของพระเจนดุริยางค์เป็นเพลงชาติทำนองสากลและให้ จางวางทั่ว พาทยโกศล ประพันธ์ทำนองเพลงชาติทางไทย แต่ต่อมาคณะกรรมการจึงเห็นว่าเพลงชาติเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรจะมีเพลงเดียวจึงใช้ทำนองเพลงชาติของพระเจนดุริยางค์เพียงทำนองเดียว

เนื้อร้องเพลงชาติฉบับของขุนวิจิตรมาตรา
          “แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง ไทยเข้าครอง ตั้งประเทศ เขตต์แดนสง่า
สืบเผ่าไทยดึกดำบรรพ์ โบราณลงมา รวมรักษาสามัคคี ทวีไทย
บางสมัย ศัตรู จู่โจมตี ไทยพลี ชีวิตร่วม รวมรุกไล่
 เข้าลุยเลือดหมายมุ่งผดุงไผท  สยามสมัย โบราณรอด ตลอดมา
อันดินสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย น้ำรินไหล คือว่าเลือด ของเชื้อข้า
เอกราชคือ เจดีย์ ที่เราบูชา เราจะสามัคคี ร่วมมีใจ
รักษาชาติ ประเทศ เอกราชจงดี ใครย่ำยี เราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้น แผ่นดินไทย สถาปนา สยามให้ เทิดไทย ไชโย”

             เพลงชาติไทยฉบับที่หก เป็นเพลงชาติที่เกิดขึ้นจากคณะกรรมการจัดให้มีการประกวดเนื้อร้อง โดยมีผู้ส่งประกวดเข้ามามากมายแต่คัดเลือกมา 2 ฉบับ คือของขุนวิจิตรมาตรา(ฉบับแก้ไข) 2 บท และของนายฉันท์ ขำวิไล อีก 2 บท จึงได้รวมเนื้อเพลงชาติเป็น 4 บทด้วยกัน โดยประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2477 แต่ ต่อมา ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2478 รัฐบาลของพันเอก พหลพลพยุหเสนา ได้ลงนามประกาศ ระเบียบการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติโดยแบ่งการบรรเลงออกเป็น 2 แบบคือ การบรรเลงแบบพิสดาร (ยาวตามปกติพร้อมเนื้อร้องทั้ง 4 ตอน) และ การบรรเลงแบบสังเขป(ตัดทอนสั้นลง)เนื่องจากเพลงชาติมีความยาวมากเกินไปโดย ใช้เป็นเพลงชาติใน พ.ศ.2477-2482 ซึ่งเป็น

เพลงชาติฉบับราชการฉบับแรก
เนื้อร้องเพลงชาติฉบับของนายฉันท์ ขำวิไล
เหล่าเราทั้งหลายขอน้อมกายถวายชีวิต รักษาสิทธิ์อิสระ ณ แดนสยาม
ที่พ่อแม่สู้ยอมม้วยด้วยพยายาม ปราบเสี้ยนหนามให้พินาศสืบชาติมา
แม้ถึงไทยไทยด้อยจนย่อยยับ ยังกู้กลับคงคืนได้ชื่นหน้า
ควรแก่นามงามสุดอยุธยา นั้นมิใช่ว่าจะขัดสนหมดคนดี
เหล่าเราทั้งหลายเลือดและเนื้อเชื้อชาติไทย มิให้ใครเข้าเหยียบย่ำขยำขยี้
ประคับประคองป้องสิทธิ์อิสรเสรี เมื่อภัยมีช่วยกันจนวันตาย
จะสิ้นชีพไว้ชื่อให้ลือลั่น ว่าไทยมันรักชาติไม่ขาดสาย
มีไมตรีดียิ่งทั้งหญิงทั้งชาย
สยามมิวายผู้มุ่งหมายเชิดชัย ไชโย
ภาพหลวงสารานุประพันธ์
http://www.suan84.com/modules.php?name=News&file=article&sid=125
ภาพพระเจนดุริยางค์
http://angsila.compsci.buu.ac.th/~it450084/music/music
_app/thai_composer/jane.htm

            เพลงชาติไทยฉบับที่เจ็ด หรือฉบับปัจจุบันเกิดขึ้นใน พ.ศ.2477 รัฐบาลของจอมแปลก พิบูลสงคราม ที่ได้ประกาศให้มีการประกวดเนื้อร้องของเพลงชาติขึ้นมาใหม่ ผลการประกวดเพลงชาติปรากฏว่าเนื้อร้องฉบับของ พ.อ.หลวงสารานุประพันธ์(นวล ปาจิณพยัคฆ์) ส่งในนามกองทัพบกทางสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ประกาศยกเลิกเนื้อเพลงชาติฉบับของ ขุนวิจิตรมาตรา และ ของ นายฉันท์ ขำวิไลและให้ใช้เนื้อร้องที่ชนะการประกวดและทำนองประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคมพ.ศ.2482 เป็นต้นไป

เนื้อร้องเพลงชาติปัจจุบัน


               ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ   ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัยชโย



**************************************

เนื้อหา : สำหรับนักเรียนทุกระดับชั้น เป็นการรวบรวมเนื้อหาจากหลากหลายที่ เพื่อให้ครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เพลงชาติไทย เนื้อเพลง เพลงชาติไทย ภาษอังกฤษ เพลงชาติไทย ความหมาย เพลงชาติไทย โน้ต เพลงชาติไทย mp3

ที่ม่า : วีกีพีเดีย
         สหวิชา ดอท คอม
เพลงชาติไทย mp3 
        http://mp3freefree.com/เพลงชาติไทย.html
        https://4shmp3.net/4sh/mp3-เพลงชาติไทย/
        https://www.youtube.com/watch?v=wtkCrx1DoqU


บรรณานุกรม
พิทยา  ว่องกุล . ( 2550). วิเคราะห์ประวัติศาสตร์สยามใหม่ .กรุงเทพฯ:สถาบันวิถีทรรศน์.
สุกรี เจริญสุข. (2532). เพลงชาติ. กรุงเทพมหานคร. เรือนแก้วการพิมพ์.

ภาพ

“ราชวงศ์
จักรี”http://www.racha.coolfreepage.com/2.html 
“ราชวงศ์จักรี”http://www.racha.coolfreepage.com/5.html
รวบรวมข้อมูลโดย : น.ส. โศธิดา ศิริอำนวยศิลป์ นักศึกษาช่วยงาน ปีงบประมาณ 2551  งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ

ที่มาและได้รับอนุญาตจาก  :
เอกรินทร์  สี่มหาศาล  และคณะ . ประวัติศาสตร์ ป.1 . พิมพ์ครั้งที่ 1 . กรุงเทพ ฯ : อักษรเจริญทัศน์



เที่ยวภูเก็ตสุดชิค กับ 15 สิ่งห้ามพลาด



ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลทางฝั่งอันดามันใกล้เข้ามาถึงอีกแล้วค่ะ ซึ่งหนึ่งในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนมากที่สุดก็คือจังหวัด ภูเก็ต เพราะปัจจุบันมีการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น มีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ รวมทั้งภูมิภาคอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากกรุงเทพฯ จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับเมืองท่าเก่าอย่างภูเก็ต สามารถเดินทางมาเที่ยวที่นี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเพื่อเตรียมพร้อมสู่การไปหาอ้อมกอดของทะเล และบรรยากาศของวัฒนธรรมเก่าแก่ของเมืองภูเก็ต เราลองมาทำความรู้จักกับภูเก็ตให้มากขึ้น ไปดูสิว่าเมืองนี้มีอะไรเจ๋ง ๆ บ้าง จะได้ไม่พลาดเมื่อมีโอกาสไปเยือนภูเก็ต

 1. ล่องเรือ Andaman Passion

          ทริปเรือหรู Passion Luxury Boat สักครั้งในชีวิตกับประสบการณ์บนเรือหรูที่ดังที่สุดในตอนนี้ ล่องเรือสวย ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ในช่วงบ่าย ถ่ายรูปโพสต์เก๋ ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อิจฉาเล่นตลอดการเดินทาง ตอนเย็นเป็น Party Boat เเดนซ์มันส์ ๆ แบบหลุดโลก พร้อมวิวพระอาทิตย์ตก เหมาะทั้งขาแดนซ์และขาชิล ใครมาเที่ยวภูเก็ตห้ามพลาดทริปนี้ด้วยประการทั้งปวง มาลองล่องเรือหรูในราคาที่คุณสัมผัสได้กันเถอะ สอบถามข้อมูลได้ที่ เฟซบุ๊ก ADMpassion Line ID : @andamanpassion โทรศัพท์ 062-9566124 , 062-9562416


 2. ย่านตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีส

          สิ่งที่ภูเก็ตหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก นั่นก็คือสถาปัตยกรรมบ้านเรือนสไตล์ชิโนโปรตุกีสภายในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียวหรือสองชั้นตั้งเรียงรายติดกัน มีการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างศิลปะจีนและยุโรป กลายเป็นงานสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีระยะทางประมาณ 4.6 กิโลเมตร ซึ่งมีซอกซอยเล็ก ๆ ให้ได้แวะเที่ยวชมตลอดเส้นทาง รวมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟโบราณ ร้านขายของที่ระลึก และสินค้าพื้นเมืองให้ได้เลือกซื้อเลือกชมมากมายอีกด้วย


 3. วัดไชยธาราราม

          วัดไชยธาราราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดฉลอง" เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ตำบลฉลอง อำเภอเมือง ในอดีตที่แห่งนี้เป็นฐานที่ตั้งสำหรับชาวภูเก็ตในการสู้รบกับพวกอั้งยี่ ซึ่งมี "หลวงพ่อแช่ม" หรือพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี เป็นผู้ปลุกขวัญกำลังใจของชาวบ้าน เมื่อเอาชนะพวกอั้งยี่ได้จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาต่อหลวงพ่อแช่ม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันภายในวัดมีพระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทยบารมีประกาศ ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเคารพสักการะอย่างไม่ขาดสาย


 4. แหลมพรหมเทพ

          อีกจุดไฮไลท์ของภูเก็ตก็คือแหลมพรหมเทพ เป็นแหลมปลายสุดของจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวนิยมที่จะมาชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่นี่ เพราะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งทะเลสีเขียวมรกตและเกาะเล็ก เกาะน้อย ในระยะไกลสุดลูกหูลูกตา แหลมพรหมเทพเป็นแหลมที่ยื่นลงไปในทะเล มีต้นตาลขึ้นเป็นหย่อม ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปได้จนสุดปลายแหลม จะเห็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ทางด้านซ้ายเป็นหาดทรายขาวของหาดในยะ และทางด้านขวาจะเป็นหาดในหาน พร้อมรับลมเย็น ๆ มีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากเลยทีเดียว


 5. ถนนคนเดิน หลาดใหญ่

          หากใครได้มีโอกาสมาเยือนภูเก็ตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ต้องไม่พลาดการไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน โดยจะจัดขึ้นตลอดถนนถลาง ซึ่งเป็นบริเวณย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีส มีร้านขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง สินค้าทำมือ จากเยาวชนในเมืองภูเก็ต ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เก๋ไก่ไม่เหมือนใคร เหมาะที่จะซื้อไปเป็นของฝาก ของที่ระลึกให้กับเพื่อนหรือคนใกล้ชิด นอกจากนี้บริเวณถนนคนเดิน หลาดใหญ่ ก็ยังมีอาหารพื้นเมืองให้ได้ลิ้มรส พร้อมกับการแสดงของเด็ก ๆ ในท้องถิ่นให้ได้ชมอีกด้วย ใครสนใจอยากจะไปเดินเล่นชิล ๆ ก็ไปกันได้ทุกวันอาทิตย์ บริเวณถนนถลาง ร้านค้าต่าง ๆ จะเริ่มตั้งขายสินค้นกันตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต โทร. 0 7621 2213, 0 7621 1036

 6. หมี่ต้นโพธิ์

          เมื่อมีเรื่องเที่ยวก็ต้องมีเรื่องกินเข้ามาเอี่ยวด้วยแน่นอน การมาภูเก็ตจึงต้องได้ลิ้มลองอาหารขึ้นชื่อกันบ้าง ซึ่งหมี่ต้นโพธิ์เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของเส้นหมี่ฮกเกี้ยน เปิดมายาวนานมากกว่า 50 ปี แล้ว เพราะฉะนั้นการันตีได้เลยว่ารสชาตินั้นต้องอร่อยแน่นอน ไฮไลท์ของร้านนี้ก็คือเมนูเส้นหมี่ฮกเกี้ยน ทั้งบะหมี่แห้งหรือบะหมี่น้ำซุปเข้มข้น นอกจากนี้เมนูอื่น ๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน อาทิ ผัดไทย, ราดหน้าทะเล, ยำหมูย่าง, ฉู่ฉี่ปลาราดข้าว, ไหมฝันเขียวหวาน, หมี่ผัดขี้เมา เป็นต้น ทั้งนี้ที่เรียกกันว่าหมี่ต้นโพธิ์ก็เพราะว่าร้านดั้งเดิมสาขาแรกตั้งอยู่ ที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา มีต้นโพธิ์ขึ้นอยู่กลางร้าน จึงทำให้ชาวภูเก็ตรู้จักกันดีว่าร้านหมี่ต้นโพธิ์ และด้วยความอร่อยของหมี่ฮกเกี้ยนสูตรต้นตำรับของร้าน ปัจจุบันจึงมีหมี่ต้นโพธิ์ถึง 3 สาขา สอบถามที่อยู่แต่ละสาขาและรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7621 6293


 7. เล่นเซิร์ฟที่หาดกะตะและหาดป่าตอ

          ใครที่รักการเล่นกีฬาทางน้ำ โดยเฉพาะการเล่นกระดานโต้คลื่น ขอแนะนำให้ไปลองท้าคลื่นกันได้ที่หาดกะตะ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีคลื่นขนาดใหญ่ เหมาะแก่การเล่นกระดานโต้คลื่นมาก ช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการเล่นกระดานโต้คลื่น คือช่วงเดือนเมษายนจนถึงช่วงก่อนหน้าฝน ใครที่เล่นไม่เป็นบริเวณหาดทั้งสองแห่งก็มีโรงเรียนสอน ซึ่งจะสอนตั้งแต่พื้นฐาน พร้อมกับการพาเล่นในทะเลจริง เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมแล้ว หรือใครที่เล่นเป็นแล้วแต่ไม่อยากแบกอุปกรณ์ไปด้วย ก็มีร้านให้เช่าอุปกรณ์เช่นกัน


 8. บ้านชินประชา

          บ้านชินประชา เป็นบ้านเก่าแก่ของเศรษฐีชาวภูเก็ตเชื้อสายจีนตระกูลตัณฑวณิช เป็นบ้านในลักษณะสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ลักษณะเด่นของบ้านหลังนี้จะอยู่ที่ หน้าต่างไม้บานเกล็ด ประตูลงรักปิดทอง มีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ อยู่กลางบ้าน พร้อมกับเปิดให้บริเวณนี้โล่งกว้าง มีอากาศถ่ายเทได้เย็นสบาย ภายในบ้านถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยกระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี เฟอร์นิเจอร์เก่าแก่จากประเทศจีน ชุดโต๊ะรับประทานอาหารจากปีนัง เตียงนอนโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่า พร้อมทั้งภาพถ่ายในอดีตของบ้านหลังนี้

          สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. บ้านชินประชาจะตั้งอยู่บริเวณถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง โทร. 0 7621 1281, 0 7621 1167


 9. หาดป่าตอง

          หาดป่าตอง เป็นอีกหนึ่งหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต ด้วยมีหาดทรายขาวละเอียดทอดยาวไปตลอดแนวชายหาด และมีน้ำทะเลใสแจ๋ว เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เหมาะที่จะมานอนเล่นพักผ่อน ในช่วงที่มีคลื่นลมแรง บริเวณนี้จะกลายเป็นที่เล่นกระดานโต้คลื่นสุดฮิตของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ จะมีการจัดกิจกรรมสำหรับคนรักการเล่นกระดานโต้คลื่นในทุก ๆ ปี นอกจากนี้บริเวณหาดป่าตองยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้ทำอีกมากมาย อาทิ เจ็ทสกี, สปีดโบ๊ท, วอลเลย์บอลชายหาด ฯลฯ พร้อมทั้งมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม ที่พักต่าง ๆ มากมาย ที่เปิดบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว


 10. พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี

          อีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของเมืองภูเก็ต ก็คือ "พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี" ตั้งอยู่อย่างสง่างามบนเนินเขานาคเกิด เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบร่วมสมัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร และสูงถึง 45 เมตร จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่มาก สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล โครงสร้างของพระพุทธรูปนั้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว เมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์จึงสว่าง สวยงาม ยิ่งในยามค่ำคืนที่มีการส่องไฟไปยังตัวพระพุทธรูปยิ่งทำให้เห็นเด่นชัด บริเวณโดยรอบยังสามารถมองเห็นวิวของท้องทะเล และตัวเมืองภูเก็ตบางส่วนได้ไกลสุดลุกหูลูกหู ยามเย็นจะมีบรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะสำหรับมาไหว้พระทำบุญ พักผ่อนหย่อนใจ

 11. Flying Hanuman

          กรี๊ดให้สุดเสียงกับกิจกรรมสุดมันส์ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด มาปีนป่ายและบินกลางอากาศไปตามต้นไม้และป่าเขาในภูเก็ต ด้วยสายสลิงและการรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ตื่นเต้นไปกับการลอยตัวอยู่กลางอากาศท่ามกลางป่าไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ มีหลากหลายด่านให้ได้ท้าวัดใจ พร้อมกับมีผู้เชี่ยวชาญดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดในทุก ๆ ฐาน มีเครื่องดื่ม อาหาร ไว้บริการอย่างครบครัน

          Flying Hanuman ตั้งอยู่ที่ 89/16 หมู่ 6 ซอยน้ำตกกะทู้ ถนนวิชิตสงคราม ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ สอบถามเส้นทางและรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7632 3264 - 5 หรือ www.flyinghanuman.com

 12. บ้านตีลังกา

          ลองมาเที่ยวอะไรที่มันแปลกใหม่กันดูบ้าง ซึ่งบ้านตีลังกาก็จะทำให้เรามีประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แปลกแตกต่างจากสิ่ง เดิม ๆ เพราะบ้านหลังนี้สร้างและตกแต่งในลักษณะที่มีทุกอย่างนั้นหมุนกลับตีลังกาลง มา เมื่อผู้มาเยือนมาถึงบ้านหลังนี้จะเห็นบ้านสีสันสดใส มีหลังคาอยู่ติดกับพื้นและตัวพื้นบ้านนั้นอยู่ด้านบนแทน ภายในบ้านทุกอย่างจะกลับหัวลงมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโซฟา โต๊ะกินข้าว เตียงนอน ห้องนั่งเล่น รถยนต์ ห้องครัว เป็นต้น

          บ้านตีลังกา ตั้งอยู่ริมถนนบายพาส ระหว่างพรีเมียม เอาท์เล็ท และสยาม นิรมิต เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 290 บาท เด็กอายุ 4- 11 ปี ราคา 170 บาท (*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7637 6245 ดูเพิ่มเติมได้ที่ upsidedownhouse-phuket.com


 13. ภูเก็ตแฟนตาซี

          ตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงโชว์สุดอลังการ ที่นำศิลปวัฒนธรรมของไทยมาผสมผสานกับเทคนิคพิเศษต่าง ๆ เกิดเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ เมื่อรวมเข้ากับแสง สี เสียงต่าง ๆ ยิ่งทำให้การแสดงดูมีมนตร์ขลัง และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การร่ายรำที่สวยงาม อ่อนช้อยของนักแสดง ก็ยิ่งดึงดูดสายตาของผู้เข้าชมให้สะกดอยู่บนเวทีได้อย่างน่าทึ่ง การแสดงจะจัดขึ้นทุกวัน ยกเว้นวันพฤหัสบดี อัตราค่าเข้าชมเริ่มต้นที่คนละ 1,800 บาท (*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 6951 1117, 08 9929 1993

 14.  การแสดงภูเก็ต ไซมอน คาบาเรต์ (Phuket Simon Cabaret Show)

          ถ้าพูดถึงการแสดงที่โด่งดังไปทั่วโลก การแสดงภูเก็ต ไซม่อน คาบาเรต์ ก็คือหนึ่งในนั้น เพราะเป็นการแสดงที่มุ่งหวังให้ความบันเทิงแก่ผู้เข้าชม ผ่านการร่ายรำและท่าเต้นที่สวยงามของสาวประเภทสอง ที่มาพร้อมกับเสื้อผ้า เครื่องประดับ และการแต่งหน้าสุดอลังการ โดยมีฉากหลัง ระบบแสง สี เสียงที่ทันสมัยและตระการตา นักแสดงทุกคนจะตั้งใจทำการแสดงอย่างเต็มที่ จนเกิดเป็นโชว์ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้เข้าชมได้รับความประทับใจกลับบ้านแบบเต็มกระเป๋า รอบการแสดงและราคาค่าเข้าชมมีหลากหลายแบบให้ได้เลือก สอบถามรายละเอียด โทร. 0 7634 2011-5, 0 7634 2114-6 ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.phuket-simoncabaret.com


 15. ดำน้ำเกาะต่าง ๆ รอบ ๆ ภูเก็ต

          เมื่อมาถึงดินแดนแห่งท้องทะเลอย่างภูเก็ตแล้วจะไม่ดำน้ำได้อย่างไร ภูเก็ตเป็นเกาะจังหวัดที่โอบล้อมไปด้วยแนวปะการังมากมาย มีหลากหลายเกาะรอบ ๆ ที่มีแนวปะการังที่สวยงาม สมบูรณ์ พร้อมกับสัตว์ทะเลอีกหลากหลายชนิด น้ำก็มีความใสสะอาด สามารถมองเห็นได้ถึงก้นทะเลในบางจุดเลยทีเดียว จุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในการดำน้ำ อาทิ เกาะราชา เกาะไข่ เกาะเฮ เกาะพีพี เกาะตาชัย หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ ฯลฯ ซึ่งมีหลายบริษัททัวร์ที่เปิดให้บริการนำเที่ยวไปดำน้ำในจุดต่าง ๆ มีราคาแตกต่างกันไป สอบถามราคาและตารางโปรแกรมจากกลุ่มบริษัททัวร์ได้โดยตรง

          แม้ว่าภูเก็ตจะมีลักษณะเป็นเกาะ แต่เมืองแห่งนี้กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย แต่มีอะไรอีกมากมายให้เราไปค้นหา ถ้าใครมีแผนที่จะเดินทางไปภูเก็ต ก็อย่าลืมจดสิ่งเหล่านี้ลงไปในกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อไปภูเก็ตด้วยนะคะ รับรองได้เลยว่าทริปภูเก็ตครั้งนี้จะทำให้คุณหลงรักภูเก็ตไปอีกนานเลยค่ะ และถ้าอยากให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ต้องไม่ลืมใช้บริการสายการบิน THAI Smile เชื่อได้เลยว่าตลอดทริปภูเก็ตจะมีแต่ความสุข


ที่มา : kapook.com

สูตรไก่ทอดหาดใหญ่+น้ำจิ้ม จะทำกินเอง หรือจะทำขายเป็นรายได้พิเศษ

สูตรไก่ทอดหาดใหญ่

สูตรไก่ทอดหาดใหญ่+น้ำจิ้ม จะทำกินเอง หรือจะทำขายเป็นรายได้พิเศษก็ดี

ส่วนผสม/เครื่องปรุง ไก่ทอดหาดใหญ่ มีดังนี้

– ไก่ 1 กิโลกรัม
– กระเทียมไทยกรีบเล็ก 40 กลีบ
– พริกไทยเม็ด 30-40 เม็ด
– ลูกผักชีป่น 2 ช้อนชา
– ยี่หร่าป่น 1/2 ช้อนชา
– ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
– เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
– น้ำตาลทรายแดง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
– แป้งสาลีหรือแป้งข้าวเจ้า 4-5 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืช สำหรับทอด

วิธีทำทีละขั้นตอน :

1.ล้างไก่ให้สะอาด พักในตระแกรงให้สะเด็ดน้ำ
2.โขลก กระเทียม พริกไทย ลูกผักชี และยี่หร่า เข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมกับซอสปรุงรส เกลือป่น และน้ำตาลทรายแดง คลุกส่วนผสม ทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปหมักกับไก่อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
3.เมื่อหมักไก่ตามเวลาที่กำหนดจนได้ที่แล้ว จึงใส่แป้งสาลีลงไปในไก่ที่เราหมักเอาไว้ จากนั้นคลุกให้ส่วนผสมเข้ากันดี
4.นำไก่ทอดในน้ำมันพืช จนสุกเป็นสีน้ำตาลทอง ตักขึ้น พักในตะแกรงจนสะเด็ดน้ำมัน รับประทานคู่กับหอมเจียว น้ำจิ้ม และข้าวเหนียวร้อนๆ
(หมายเหตุ)

– สามารถใช้น้ำตาลทราบธรรมดาแทนน้ำตาลทรายแดงได้
– กระเทียมกลีบเล็ก จะให้รสชาติที่อร่อยกว่ากระเทียมกลีบใหญ่ แต่หากหาไม่ได้ก็ใช้กระเทียมกลีบใหญ่แทนได้
– ส่วนผสมแป้งจะใส่หรือไม่ก็ได้ ถ้าหากจะใส่ ให้ไส่เป็นอันดับสุกท้าย คือใส่ก่อนที่จะนำไปทอด ห้ามใส่ลงไปหมักกับไก่ตั้งแต่แรกพร้อมกับส่วนผสมอื่นๆ โดยเด็ดขาด เพราะถ้าใส่แป้งลงไปตั้งแต่แรก แป้งจะดูดรสชาติของน้ำหมักไปหมด ทำให้ไก้จืดไม่มีรสชาติ

เครื่องปรุงน้ำจิ้มไก่สูตรพริกสด :

– พริกชี้ฟ้าสีแดงโขลกละเอียด 10 กรัม
– กระเทียมสับละเอียด 30 – 40 กรัม
– รากผักชี 4 กรัม
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– น้ำตาลทราย 120 กรัม
– น้ำส้มสายชู 50 มิลลิลิตร

วิธีทำน้ำจิ้มไก่สูตรพริกสด :

1. โขลกพริกชี้ฟ้าและรากผักชีให้ละเอียด
2. ผสมน้ำตาลเกลือป่น และน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลทรายและเกลือป่นละลาย
3. ผสมกระเทียมสับ พริกชี้ฟ้า และรากผักชี ที่โขลกละเอียด ลงไปในส่วนผสมน้ำจิ้ม ที่ตั้งไฟไว้
4. ตั้งไฟต่อจนน้ำจิ้มเดือดอีกครั้ง ใช้รับประทานคู่กับไก่ทอดหาดใหญ่

สูตรไก่ทอดหาดใหญ่ เครดิต เพจ ปัตตานี นครรัฐแห่งสันติภาพ

โรคภูมิแพ้..โรคเด็กยอดฮิต แต่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้

 
โรคภูมิแพ้ เป็นภาวะภูมิคุ้มกันไวเกิน ไม่ว่าจะเข้าใกล้เกสรดอกไม้ หรือที่มีไรฝุ่น ขนสัตว์ มลภาวะ จะแสดงอาการออกมา แต่ละคนอาจไม่เท่ากัน แม้จะแพ้ชนิดเดียวกันก็ตาม บางคนอาจแพ้หนักถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ทันถ่วงทีอาจก่อให้เกิดอันตราย ถึงชีวิตได้
โดยปกติส่วนใหญ่ที่พบเห็นผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมี 4 โรค
  • โรคแพ้อาหาร
  •  โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
  • โรคแพ้อากาศ
  •  และโรคหืด
โรคภูมิแพ้เป็น ที่รู้จักกันมานาน พบได้บ่อยในเด็กๆ ไม่ว่าจะไอจาม หืดหอบ หรือเกิดอาการผื่นคันตามเนื้อหนัง เรียกได้ว่าเป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม แต่ไม่ใช่โรคติดต่อกันภายในครอบครัวนะคะ ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดทางเครือญาติสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง
นอกจากนี้ยังรวมถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่นนอนน้อย  หรือเปลี่ยนอุณภูมิเร็วเกินไปจากร้อนไปเย็นหรือเย็นไปร้อน ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทันได้ หรืออยู่ในที่อับ ขนสัตว์เยอะ ต้นหญ้า วัชพืชสปอร์จากเชื้อรามาก ก็กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ได้
อาการแพ้ของแต่ละคนจะรุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิด และสารก่อภูมิแพ้เช่น
  • บริเวณตา อาจทำให้เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม
  • บริเวณจมูกอาจทำให้เกิด การจาม ตันจมูก น้ำมูกไหล
  • บริเวณหลอดลม อาจทำให้เกิดการไอ แน่นหน้าออก หอบ หายใจไม่สะดวก
  • บริเวณผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการคัน ผดผื่นตามตัว มีเม็ดแดง ตกสะเก็ดได้
  • และบริเวณทางเดินอาหาร อาจทำให้อาเจียน คลื่นไส้ ปากบวม ปวดท้อง ท้องอืดได้
ซึ่งวิธีการรักษาภูมิแพ้นั้น ก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลยเพียงทำตามดังนี้
 
1.       หมั่นดูแลสุขภาพตนเองดีๆ
หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้แพ้ ดูแลร่างกายตนเองให้แข็งแรงสมบรูณ์ โดยเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับเพียงพอ อยู่ในอากาศที่ถ่ายเทสามารถลดอาการแพ้ได้ค่ะ
 
2.       ใช้ยาบรรเทาอาการ
 ไม่ว่าจะเป็นยาต้นฮิสทามี สารสเตอรอยด์ เช่นยาแก้แพ้ แก้อาการคัดจมูก ขยายหลอดลม โลชั่นปรับผิว ลดการระคายเคือง ยาหยอดตา ซึ่งการใช้ยาเป็นเพียงการรักษาที่ปลายเหตุเท่านั้น ควรได้รับตามใบสั่งแพทย์ไม่ควรซื้อมาใช้หรือทานเองอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ ค่ะ
 
3.       ฉีดวัคซีนภูมิแพ้
เป็นการฉีดสารก่อภูมิแพ้ เพื่อสร้างภูมิต้านทานกับสิ่งที่แพ้ วิธีนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ไม่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา เป็นการฉีดป้องกันอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง ถ้าได้ผลมาฉีดกระตุ้นต่อเนื่องอีก 3-5 ปี
 
และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่ตนเองแพ้ ไม่ว่าจะเป็นเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ และควรทำความสะอาดห้องพักปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาด และควรหมั่นสังเกตสิ่งที่ตนเองแพ้ และควรงดรับยารับประทานแก้แพ้อย่างน้อย 24 -48 ชั่วโมง เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทดสอบทางผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุของโรค และได้รับยารักษาที่เหมาะกับอาการของโรคค่ะ